สรุปข่าวไอทีประจำวัน (12 มกราคม 2555)


สรุปข่าวไอทีที่น่าสนใจประจำวันพฤหัสที่ 12 มกราคม 2555 ครับ

 

HP ผุด “Ultrabook” สเป็กเทพ !!

และแล้ว HP ก็ออกมาประกาศศักดาอีกครั้งในสมรภูมิ Ultrabook โดยเมื่อวานนี้ ทางบริษัทได้เปิดตัว HP ENVY 14 Spectre Ultrabook ที่สเป็กไฮโซฯสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นจอแสดงผลไฮเดฟ แบตเตอรี่ที่อยู่ได้นาน 9 ชม. สามารถติดตั้ง SSD ได้ 2 ตัวภายในเครื่องที่มีความหนาเพียง 0.8 นิ้ว โดยมีน้ำหนักไม่ถึง 4 ปอนด์ (ต่ำกว่า 1.8 ก.ก.) ว้าว!!!

นอกจากนี้ HP ENVY 14 Spectre ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติการทำงานที่แตกต่างจากคู่แข่งในตลาดอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอไฮเดฟฯ ที่ดำสนิท และมีขนาดใหญ่ถึง 14 นิ้ว แถมยังครอบด้วยจอแก้วที่ทนทานต่อรอยขีดข่วน ภายในเพิ่มคอนทราสด้วยสีเงิน ส่วนโพรเซสเซอร์ที่ใช้กับ HP ENVY 14 Spectre จะเป็น Intel Core i5 หรือ Core i7 ULV หน่วยความจำ (RAM) 4GB หรือ 8GB ส่วนฮาร์ดดิสก์เป็น mSATA SSD ความจุ 128GB หรือ 256GB นอกจากนี้ HP ENVY 14 Spectre ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Rapid Start ของ Intel ทำให้สามารถเปิดเครื่องขึ้นทำงานได้ภายในอึดใจ ซึ่งรวมถึงการบู๊ต หรือปลุกเครื่องให้ตื่นจาก sleep mode คุณสมบัติไฮโซ และฟังก์ชันไฮเอ็นด์เหล่านี้ ยังไม่น่าตื่นเต้นเท่ากับความสามารถในการจัดการพลังงานที่ทำให้คุณผู้อ่านสามารถใช้ HP ENVY 14 Spectre ได้นานต่อเนื่องถึง 9 ชั่วโมงเลยทีเดียว

HP ENVY 14 Spectre เปิดทางเลือกให้ผู้ใช้สำหรับระบบปฏิบัติการด้วย กล่าวคือ คุณสามารถเลือกใช้โอเอสเป็น Windows 7 Home Premium, Windows 7 Home Professional และ Windows 7 Ultmate ความหรูหราของสเป็กยังไม่หมดแค่นี้ HP ENVY 14 Spectre ยังมาพร้อมกับพอร์ตต่างๆ ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น Ethernet, USB 3.0, HDMI และ Mini DisplayPort

นอกจากนี้ ทางบริษัทยังได้ติดตั้งเทคโนโลยี Wireless Audio ของ HP ไร้สายด้วย Bluetooth และเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง การส่งภาพไร้สายด้วย WiDi รวมถึงเทคโนโลยี NFC (Near Field Communication) อะไรจะร่ำรวยฟีเจอร์ขนาดนี้ กำหนดการวางตลาดเป็นวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2012 สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,399 เหรียญฯ หรือประมาณ 42,000 บาท

 

Adobe เดินเกมรุก หวังเปิดตลาดภาคการศึกษาไทย !!!

อะโดบี ซิสเต็มส์ เขี่ยเปิดเกมสนับสนุนภาคการศึกษาไทย ด้วยการเปิดศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของอะโดบีในส่วนลดราคาพิเศษ 90% พร้อมคาดหวังจะได้เห็นเด็กไทยสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบดิจิตอล

อะโดบี ซิสเต็มส์ ประกาศร่วมสนับสนุนภาคการศึกษาของนักเรียนไทย และเพิ่มความสามารถด้านการสอนของครูอาจารย์ โดยนำเสนอโครงการ Student and Teacher Edtions ที่จะนำซอฟต์แวร์ของอะโดบีลดราคาพิเศษถึง 90% ซึ่งประกอบไปด้วย Adobe Creative Suite 5.5 Design Premium, Creative Suite 5.5 Design Standard, Creative Suite 5.5 Design Standard และ Acrobat X Pro

ทั้งนี้ นางสาววิกกี้ สคิปป์ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาค อะโดบี เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่าในอดีตนักเรียน-นักศึกษาที่ต้องการทำดิจิตอบ มีเดีย ต้องจ่ายค่าไลเซนส์ในราคาแพง ทางอะโดบีเห็นควรว่าถ้านักเรียน รวมไปถึงครูอาจารย์ ได้ใช้งานซอฟต์แวร์ในราคาที่ถูกลง จะเป็นผลดีในแง่ของการเข้าถึงซอฟต์แวร์

“โครงการ Student and Teacher Edtions นับเป็นก้าวย่างที่สำคัญในด้านกลยุทธ์การเรียนรู้ดิจิตอล มีเดีย เนื่องจากเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีโอกาสใช้ซอฟต์แวร์ในเชิงความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งจะทำให้เยาวชนได้มีโอกาสแสดงผลงานอันมาจากความคิดสร้างสรรค์”

นอกจากนี้นางสาวสคิปป์ได้กล่าวเพิ่มเติมว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาด้านดิจิตอลสูงดังจะเห็นได้จากการที่ภาครัฐ และเอกชนมีโอกาสได้จัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ ไทยแลนด์ เกมส์โชว์ (Thailand Games Show) งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล เกมส์ เฟสติวัล (Bangkok International Games Festival) และ ไทยแลนด์ แอนนิเมชั่น คอนเทสน์ (Thailand Animation Contest)

สำหรับผลิตภัณฑ์ของอะโดบีในโครงการ Student and Teacher Editions จะเป็นซอฟต์แวร์ชุดเดียวกันกับที่เสนอขายให้กับภาคธุรกิจทุกประการ ทั้งนี้ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.asoft1.com/adobe/ste/

 

ตลาดหุ้นกับ Social Media      

 

ใน Sillicon Valley ตลาดหุ้นเป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่จะกระตุ้นการลงทุนให้เกิดการพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ๆ ในปีที่ผ่านมา กว่า 1 ใน 5 ของการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นในรูปแบบของ Initial Public Offering (IPO) เป็นธุรกิจเทคโนโลยีทั้งสิ้น ทั้งนี้ IPO เป็น Exit Strategy ที่สำคัญ ซึ่งเมื่อประจวบกับ Venture Capital (VC) ซึ่งเป็นแหล่งทุน Seed Funding, Sillicon Valley จึงมีระบบนิเวศน์ (Ecosystem) ที่สามารถสร้าง หล่อเลี้ยงและแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์เป็นเงินตราได้อย่างสมบูรณ์แบบ และเป็นแห่งเดียวในโลก ที่เกิดการล่าทอง (Gold Rush) ครั้งแล้วครั้งเล่า ที่สามารถพัฒนาและผลักดันโลกเทคโนโลยีเข้าสู่ยุคต่อไป

สำหรับ Social Media, IPO ที่ถูกจับตามากที่สุดคงหนีไม่พ้น Facebook ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในปี 2012 นี้ และถูกคาดเดาว่า จะมีมูลค่าถึง 100,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลไทย นอกจากนี้ พนักงานเกือบครึ่งหนึ่ง ซึ่งได้รับสิทธิในการซื้อหุ้นราคาพิเศษ จะกลายเป็นเศรษฐีอย่างทันทีทันใด ทั้งนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงพนักงานยุคแรกของ Facebook นับร้อยคนที่จะมีทรัพย์สินกว่า 100 ล้านดอลลาร์ และนับสิบคนที่จะมีทรัพย์สินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์

การแบ่งหุ้นให้พนักงานเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอีกประการ ที่ช่วยหล่อเลี้ยงความคิดสร้างสรรค์ในธุรกิจเทคโนโลยีของ Sillicon Valley เพราะสร้างโอกาสให้พนักงานเหล่านี้เป็นมากกว่ามนุษย์เงินเดือนธรรมดา เพราะมีโอกาสที่จะได้ร่วมเป็นเจ้าของ

อย่างไรก็ดี IPO ของ Facebook ยังต้องอาศัยช่วงเวลาที่ถูกต้อง เพราะในปี 2011  มีทั้ง IPO ที่ประสบความสำเร็จ และไม่ประสบความสำเร็จ ตัวอย่างที่เขย่าวงการช่วงเวลาก่อนปีใหม่ คือ IPO ของ Groupon ผู้ซึ่งบุกเบิก Social Commerce จนกลายเป็นธุรกิจระดับโลก และปฏิวัติรูปแบบใหม่ของ E-Commerce ที่ใช้ประโยชน์จากการเป็น Social Media

ในประเทศไทย มี Ensogo เป็นผู้ให้บริการ Social Commerce อันดับหนึ่ง และได้ถูกซื้อโดย LivingSocial ​ซึ่งเป็นคู่แข่งกับ Groupon ในเวทีโลก IPO ของ Groupon สร้างมูลค่าเกือบ 20,000 ล้านดอลลาร์ และเป็นสถิติที่น่าทึ่งสำหรับธุรกิจที่พึ่งเริ่มต้นเมื่อ 3 ปีก่อนด้วยการลงทุนเพียง 1 ล้านดอลลาร์ และได้ถูกจัดให้เป็น IPO ที่มูลค่าสูงสุด ในโลกเทคโนโลยี ที่เกิดหลัง IPO ของ Google เมื่อ 2004 แต่ถึงกระนั้น ปัจจุบันราคาหุ้นของ Groupon อยู่ที่ 17.81 ซึ่งต่ำกว่าราคา IPO ที่ 20.00 และจุดสูงสุดที่ 31.14 ทั้งนี้ สะท้อนถึงความไม่มั่นใจของนักลงทุนในศักยภาพของธุรกิจที่จะเดินหน้าและสร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้นต่อไป

ในปีที่แล้วอีกเช่นกัน กรณีของ Groupon ก็ได้เกิดขึ้นกับ Zynga ผู้บุกเบิก Social Games ด้วยเกมส์อย่าง FarmVille, CityVille ฯลฯ ซึ่งมีรายได้หลักจากการขาย Virtual Items; IPO ของ Zynga สร้างมูลค่าเกือบ 10,000 ล้านดอลลาร์ แต่ในปัจจุบัน ราคาหุ้นอยู่ที่ 8.81 ซึ่งต่ำกว่าราคา IPO ที่ 10.00 และจุดสูงสุดที่ 11.50

แต่ถึงกระนั้น 2011 ยังคงมี IPO ที่ประสบความสำเร็จ Linkedin คือ ผู้ให้บริการ Social Media สำหรับ Professinals ได้ IPO ในปีที่แล้วเช่นกัน และสร้างมูลค่าเกือบ 10,000 ล้านดอลลาร์ ในปัจจุบัน ราคาหุ้นอยู่ที่ 64.19 ซึ่งสูงกว่าราคา IPO ที่ 45.00 แม้จะต่ำกว่าจุดสูงสุดที่ 122.70

เป็นข้อถกเถียง เมื่อเปรียบเทียบ ความสำเร็จของ Linkedin กับกรณีของ Groupon และกระทั่ง Zynga ที่นอกเหนือปัจจัยพื้นฐานของกิจการ Linkedin ได้เข้าตลาดหุ้นเมื่อครึ่งแรกของปี 2011 ซึ่งการลงทุนและเศรษฐกิจโลกอาจอยู่ในภาวะที่สมบูรณ์กว่าครึ่งหลังของปี ดังนั้น หากเศรษฐกิจโลกยังไม่อยู่ในสภาพที่พร้อม Facebook อาจชะลอการ IPO ออกไปก็ได้

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของตลาดหุ้น ที่สำคัญที่สุดกับ Social Media และโลกเทคโนโลยี มิใช่การเก็งกำไร หรือการนำเข้า IPO เพื่อได้มูลค่าสูงสุด แต่กลับเป็นระบบนิเวศน์ที่ประจวบกับ VC สามารถสร้าง Sillicon Valley ให้เป็นแหล่งเดียวในโลก ที่สามารถสร้าง หล่อเลี้ยงและแลกความคิดสร้างสรรค์เป็นเงินตราได้ อย่างเป็นระบบ และมี Exit Strategy สำหรับการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยี ที่สร้างแรงดึงดูดให้เกิดการล่าทอง จนสามารถพัฒนาและผลักดันโลกเทคโนโลยีเข้าสู่ยุคต่อไป

สำหรับอุตสาหกรรมของไทยนั้น ระบบนิเวศน์ยังมีความไม่สมบูรณ์ ทั้งในโครงสร้างใหญ่ และรายละเอียดที่ปลีกย่อย จึงไม่เคยมี Success Story ในรูปแบบของ Sillicon Valley ที่ได้กล่าวถึงในบทความนี้ ซึ่งเป็นการเสียโอกาส สำหรับทั้งผู้บุกเบิก และนักลงทุน ที่จะสามารถร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยต่อไป

 

 

Intel โชว์ Ultrabook แห่งอนาคตสุดล้ำ !!!

เหล่าบรรดาบริษัทผู้ผลิตสินค้าเทคโนโลยียังคงกระหน่ำเปิดตัวแก็ดเจ็ตใหม่ๆ ในงาน CES 2012 ล่าสุด Intel บริษัทผู้ผลิตโพรเซสเซอร์ยักษ์ใหญ่ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Ultrabook แห่งอนาคตหลากหลายสไตล์ล้ำ แต่ที่ดูเหมือนจะได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษที่เชื่อเหลือกว่า คุณผู้อ่านจะต้องทึ่งในดีไซน์ของมันด้วยเหมือนกัน นั่นก็คือ Nikiski ต้นแบบ Ultrabook ที่มาพร้อมกับ touchpad “โปร่งแสง” (transparent touchpad) ซึ่งอยู่ถัดจากคีย์บอร์ด และยาวตลอดที่พักข้อมือ…ว้าว!!!

Touchpad โปร่งแสงของ Nikiski จะมีลักษณะเป็นชิ้นแก้วใส โดยมีฟังก์ชันการทำงาน 2 หน้าที่ด้วยกันคือ เป็น “Touchpad” สำหรับโน้ตบุ๊ค Windows 7 ในขณะที่สามารถแปลงร่างเป็น “หน้าจอสัมผัส” ภายนอกเมื่อปิดหน้าจอ Notebook ซึ่งการเพิ่มหน้าจอสัมผัสภายนอกของ Nikiski เป็นลูกเล่นที่น่าสนใจ โดย Touchpad ใสจะกลายเป็นจอสัมผัสที่ป๊อปอัพไอคอนโปรแกรมต่างๆ ที่ทำงานบนหน้าจอหลัก จุดที่น่าสังเกตก็คือ UI ของมันคล้าย Windows 8 (Metro UI) แต่ความจริงมันไม่ใช่ Widows 8 ทั้งนี้ Intel ได้กล่าวยืนยันชัดเจนว่า ซอฟต์แวร์ที่ว่านี้ ทางบริษัทได้พัฒนาขึ้นเอง สำหรับหน้าจอสัมผัสภายนอกนี้จะสามารถเปิดดูตารางนัดหมายใน Calender อีเมล์ หรือแม้แต่เปิดบราวเซอร์ท่องเน็ตได้ โดยไม่ต้องเปิด Notebook ขึ้นมา

และทันทีที่คุณเปิดหน้าจอ Ultrabook Nikiski ขึ้นมา หน้าจอสัมผัสภายนอกที่แสดงผลบนแท่นแก้วใสก็จะทำหน้าที่เป็น “Touchpad” ทันที ซึ่งการทำงานของทัชแพดบนแท่นแก้วใสนี้ยังฉลาดอีกด้วย โดยมันจะรับอินพุททีเกิดจากข้อมือ แต่จะทำงานเป็น Touchpad เมื่อคุณใช้นิ้วสัมผัส เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่า ข้อมือที่พักอยู่บนแท่นแก้วจะทำให้ Touchpad สับสนการทำงาน ทาง Intel เปิดเผยว่าจะนำเครื่องต้นแบบนี้เสนอกับพันธมิตรผู้ผลิต Notebook ไม่ว่าจะเป็น Acer, HP, etc. เผื่อว่าจะมีเจ้าใดสนใจพัฒนา Nikiski ขึ้นมาจำหน่าย อืม…จะว่าไป มันดูน่าเล่นดีเหมือนกันนะครับ

 

 

Samsung ประกาศศักดา CES 2012 สร้างโปรดักส์เชื่อมโยงชีวิตไร้ขีดจำกัด !!!   

ซัมซุงประกาศทิศธุรกิจผ่านนวัตกรรมใหม่ที่พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซปต์ ‘Pushes Boundaries’ ชีวิตไร้ขีดจำกัด ทำให้โปรดักส์ทุกตัวสามารถเชื่อมต่อกันได้ สร้างมาตรฐานใหม่ของสินค้าคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ ผ่านงาน CES 2012 ที่สหรัฐอเมริกา

BOON KHUN YOON ประธานกลุ่มคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ ซัมซุงกล่าวในงาน International Consumer Electronic Shows ( CES 2012 ) มหกรรมแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อผู้บริโภคนานาชาติประจำปี 2012 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงทิศทางการพัฒนาด้านเทคโนโลยีตลอดจนแนวทางการทำตลาดของซัมซุงว่านับจากนี้ไปจะอยู่บนคอนเซปต์ Pushes Boundaries หรือ ‘ชีวิตไร้ขีดจำกัด’

ภายใต้คอนเซปต์นี้ซัมซุงมุ่งให้เกิดการเชื่อมต่อกันของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของซัมซุงได้อย่างหมดจดไร้ขีดจำกัดภายใต้ 3 แนวคิด คือ 1.สมาร์ทอินเตอร์แอ็กชั่น 2.สมาร์ทคอนเทนต์และ 3.สมาร์ทอีโวลูชัน

โดยสมาร์ทอินเตอร์แอ็กชัน ซัมซุงได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้บริโภคใช้งานสมาร์ททีวีได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น สามารถสื่อสารกับทีวีได้โดยตรงด้วยการใช้เสียงสั่งรวมทั้งการสั่งด้วยการเคลื่อนไหวหรือเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า สมาร์ททีวีรุ่นใหม่ของซัมซุงจะมีกล้องความละเอียดสูงและดูอัลไมโครโฟนทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งให้โทรทัศน์เปิดหรือปิดโปรแกรมต่างๆโดยใช้เสียงสั่งเหมือนกำลังคุยกับทีวีอยู่

ส่วนสมาร์ทคอนเทนต์ เป็นผลจากการพัฒนาแอปพลิเคชันซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 25,000 แอปฯ จาก 550 แอปฯ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ส่วนใหญ่มุ่งไปทาง 3D เป็นหลักโดยพบว่ามีการดาวน์โหลดแอปฯทีวีมากกว่า 12 ล้านดาวน์โหลดตั้งแต่ปี 2008ถึงปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นการดาวน์โหลดในปี 2011

โดยซัมซุงได้ปรับโฉมบริการ AllShare ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่น AllShare Play ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ส่วนตัวได้ทุกที่ทุกมุมโลกที่ต้องการไม่ว่าคอนเทนต์นั้นจะถูกเก็บอยู่ในโทรทัศน์ แท็บเล็ต กล้องถ่ายรูปหรือแม้กระทั่งคอมพิวเตอร์พีซี ทำให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของซัมซุง สามารถทำกิจกรรมในครอบครัวร่วมกันได้ อย่างการออกกำลังกายร่วมกันผ่านจอทีวีถึงแม้จะอยู่คนละสถานที่ก็ตาม

ขณะที่สมาร์ทอีโวลูชัน ด้วยเทคโนโลยี ‘ Evolution Kit ‘ ทำให้ทีวีรุ่นใหม่กลายเป็นสมาร์ททีวีสามารถอ่านสัญญานภาพได้คมชัดมากยิ่งขึ้น

ทิม แบ็กซเตอร์ (Tim Baxter) ประธานซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์อเมริกากล่าวว่า ทีวีรุ่นใหม่ภายใต้คอนเซปต์นี้คือ ES 8000 ที่มีการปรับรูปโฉมขาตั้งเป็นรูปตัว U (ยู) ทำงานด้วยหน่วยประมวลผลแบบดูอัล-คอร์โพรเซสเซอร์ สามารถท่องอินเทอร์เน็ตได้ขณะดูหรือโหลดแอปพลิเชั่นรวมทั้งเลือกแอปฯได้จุใจผ่าน Samsung APPS

โดยในงานนี้ซัมซุงเปิดตัว ซูเปอร์ OLED ทีวีขนาด 55 นิ้วที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยมแห่งปี 2012 จากงานCES 2012 นี้ โดยที่ผ่านมาซัมซุงเป็นผู้ผลิต OLED ลงบนโปรดักส์ต่างๆทั่วโลกกว่า 90% และซัมซุงเป็นเจ้าแรกที่นำ OLED มาผลิตเป็นหน้าจอทีวีที่ให้ความคมชัดมากยิ่งขึ้น

ทิมกล่าวว่าปีนี้จะได้เห็นการแชร์ภาพผ่านกล้องถ่ายรูปได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นโดยซัมซุงจะเปิดตัวกล้องใหม่อีก 4 รุ่นที่ตอบสนองการแชร์ภาพได้ทันที่

ในส่วนโน้ตบุ๊ก ซัมซุงเผยโฉมโน้ตบุ๊กซีรีส์ 9เจนเนอเรชั่นใหม่ บางเพียง 0.5 นิ้วหนักเพียง 2.5 ปอนด์ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมทั้งชิ้นไร้รอยต่อทำให้ได้ความเบาและบางเป็นพิเศษ

ในหมวดโฮมแอปพลายแอนซ์จะเห็นตู้เย็นรุ่นใหม่ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ สามารถบอกเวลาวันหมดอายุของอาหารจากการโปรแกรมไว้ล่วงหน้าหรือแม้แต่ส่งข้อมูลผ่าน Wi-Fi

‘ด้วยคอนเซปต์ของการเชื่อมต่อไร้ขีดจำกัดซังซุงกำลังทำให้การใช้ชีวิตของเราไม่ถูกจำกัดอีกต่อไป’