สรุปข่าวไอทีประจำวัน (27 มกราคม 2555)


สรุปข่าวไอทีที่น่าสนใจประจำวันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2555 ครับ

อะเมซอนดร็อปราคา ‘กาแล็คซี่ เน็กซัส’ ลงเหลือ 100เหรียญสหรัฐฯ

เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เป็นเจ้าของ ‘ไอศครีมแซนวิช’ เมื่ออะเมซอนใจดีประกาศปรับลดราคาโทรฯมือถือ ‘ซัมซุง กาแล็คซี่ เน็กซัส’ สมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 ลงเหลือเพียง 99.99เหรียญสหรัฐฯ ผ่านร้าน ‘Amazon Wireless’ เท่านั้น

โดยราคาที่ต่ำลงนี้ ถูกกว่าข้อเสนอในร้านค้าออนไลน์อื่นๆอย่างเช่น Letstalk.com กว่าครึ่ง แต่ทั้งนี้ จะใช้ได้เฉพาะกับลูกค้าใหม่ของ Verizon Wireless เท่านั้น ซึ่งจะต้องมีการทำสัญญาผูกใช้บริการกับทางเครือข่าย แต่สำหรับลูกค้าเดิมของเวอริซอนที่มองหาการอัพเกรด อะเมซอนจะชาร์ทเพิ่ม 259.99เหรียญสหรัฐฯ สำหรับ กาแล็คซี่ เน็กซัส ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่ข้อเสนอที่น่าประทับใจเท่าไรนัก แต่ก็ดีกว่าการที่ลูกค้าจะต้องจ่ายเงินเพื่อเลือกประเภทใหม่ นอกจากนี้ หากลูกค้าต้องการซื้อ กาแล็คซี่ เน็กซัส ในเวอร์ชั่นปลดล็อคเครือข่าย ผ่านทางอะเมซอน จะได้รับส่วนลด 70เหรียญสหรัฐฯ จากราคาเต็มที่นำเสนอไว้สูงถึง 729.99เหรียญสหรัฐฯ

 

นินเทนโด้ รับขาดทุนครั้งแรกในรอบสามสิบปี

แทบจะต้องบันทึกสถิติลงหน้าประวัติศาสตร์ของบริษัทไว้เลยทีเดียว สำหรับการขาดทุนครั้งแรกในรอบสามสิบปีของเจ้าตลาดเกมคอนโซลพกพา นินเทนโด้ ที่ระยะหลังเริ่มมีกระแสข่าวออกมาว่า บริษัทต้องต่อสู้กับความยากลำบาก เนื่องจากมีคู่แข่งเกิดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโซนี่ หรือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต แต่อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงมีความหวังว่า Wii U เครื่องเล่นเกมน้องใหม่น่าจะเข้ามากอบกู้สถานการณ์ได้

โดยย้อนกลับไปเมื่อเก้าเดือนก่อนสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2011 นินเทนโด้ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 625 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อน บริษัทได้รับผลกำไรมากถึง 641 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ ยอดขายนินเทนโด้อยู่ในภาวะย่ำแย่น่าจะมาจาก Nintendo 3DS เครื่องเล่นเกมสามมิติที่มีการเปิดตัวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมที่ผ่านมา ในสนนราคา 249.99 เหรียญสหรัฐฯ แต่มันกลับล้มเหลวในการสร้างยอดขาย จนต้องมีการหั่นราคาลงมาเหลือเพียง 169.99 เหรียญสหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ดี มันก็สามารถกระตุ้นยอดขายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากมันสายเกินไป และถึงแม้ปี 2011 อาจจะดูไม่สดใสสำหรับนินเทนโด้ แต่ Satoru Iwata ประธานบริหารนินเทนโด้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าจะมีการเปิดตัว Wii U สักเวลาใดเวลาหนึ่งในช่วงเทศกาลวันหยุดซึ่งมันก็อาจจะโกยรายได้ได้อยู่ไม่น้อย

 

กูเกิล หนุนหลังโมโตฯ ยื่นฟ้อง iPhone 4S และ iCloud ฐานละเมิดสิทธิบัตร

ดูทว่าสงครามสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตกำลังจะประทุตัวขึ้นมาอีกครั้งรับศักราชใหม่ จากคู่เกาเหลาเจ้าเดิม แอปเปิ้ลและโมโตโรล่า โมบิลิตี้ ที่ขณะนี้กำลังอยู่ในสถานะการควบรวมกิจการเข้ากับขาใหญ่อย่าง กูเกิล ในกรณีที่ บริษัทได้ทำการยื่นเอกสารฟ้องร้องต่อแอปเปิ้ลในเรื่องที่ iPhone 4S และ iCloud ละเมิดสิทธิบัตร ที่ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องของเครือข่ายไร้สาย, ซอฟท์แวร์, การกรองข้อมูลและการส่งข้อความ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

โดยสิทธิบัตรดังกล่าวได้เคยถูกนำมาอ้างอิงในคดีความที่มีการยื่นเรื่องไปเมื่อสองปีก่อน และก็เคยเข้าสู่กระบวนการศาลมาแล้ว แต่ประธานผู้พิพากษาปฏิเสธคำร้องของโมโตโรล่า และระบุว่าให้ทำการแยกฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจสำหรับศึกเกาเหลาในครั้งนี้ ก็คือเรื่องการซื้อขายหุ้นระหว่างโมโตโรล่าและกูเกิล ที่มีเงื่อนไขกำหนดว่าโมโตโรล่าไม่สามารถฟ้องร้องคดีความใหม่ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาได้โดยปราศจากการคุ้มครองของกูเกิล ซึ่งนั่นก็หมายความว่า นี่จะเป็นครั้งแรกที่กูเกิลมีส่วนเกี่ยวพันโดยตรงในกรณีที่มีปัญหากับแอปเปิ้ล ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีการต่อสู้ในศาลระหว่างแอปเปิ้ลและแอนดรอยด์มาเป็นสิบคดีก็ตาม ซึ่งถ้าครั้งนี้ โมโตโรล่าได้รับชัยชนะในสหรัฐฯ มันก็จะยิ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ความถูกต้องตามกฏหมายให้กับกูเกิล และพิสูจน์ให้เห็นถึงเหตุผลของการทุ่มเม็ดเงินกว่าหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เข้าซื้อโมโตโรล่า โมบิลิตี้ ของกูเกิลเลยทีเดียว

 

iLid เคสไอโฟนสุดเก๋ ที่เป็นกระเป๋าใส่สตางค์และกุญแจได้ด้วย

 

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ต้องการพกสิ่งของหลายๆอย่างติดตัวออกจากบ้าน มาวันนี้แค่หยิบโทรฯมือถืออย่างเดียวก็สามารถออกจากบ้านได้แล้ว เมื่อเคสไอโฟนสุดเก๋ที่ครีเอทออกมาล่าสุด จะเปลี่ยนโทรฯให้กลายเป็นกระเป๋าใส่เงิน, บัตรเครดิต รวมถึงกุญแจบ้านได้ด้วย

โดยหนึ่งในโครงการที่หวังจะเป็นสะพานเชื่อมช่องว่างทางเทคโนโลยีถูกครีเอทขึ้นโดย Darren Inglis และ Simon Dunn-Vaughan ชาวพื้นเมืองออสเตรเลีย ที่ได้สร้างเคสไอโฟนขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษ โดย iLid จะมีช่องลับขนาดใหญ่อยู่ที่ด้านหลัง ไว้สำหรับเก็บเงินสดบางส่วน, บัตรเครดิต หรือกุญแจบ้านได้ ซึ่งถึงแม้อาจจะไม่ใช่กระเป๋าสตางค์ที่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชื่นชอบการพกสิ่งของหลายๆอย่างติดตัว โดยสินค้าดังกล่าวนี้ จะมีวางจำหน่ายในเดือนหน้าเป็นต้นไป แต่ได้มีการโชว์ตัวต้นแบบในสัปดาห์นี้ที่งาน Macworld|iWorld ซึ่งเป็นโครงการใน Kickstarter หรือโครงการดีๆที่เปิดโอกาสให้สามารถสร้างไอเดียออกมากอบโกยรายได้ได้ ซึ่งหลังจากที่มีการโพสไอเดียในเวบไซต์ของทั้งคู่ ก็สามารถทำเงินได้ 1หมื่นเหรียญสหรัฐฯใน 1 สัปดาห์ และในขณะนี้สามารถพุ่งขึ้นไปได้ถึง 28,261เหรียญสหรัฐฯแล้ว โดยที่ทั้งสองมีการลงทุนไปเพียง 2หมื่นเหรียญสหรัฐฯเท่านั้นสำหรับโครงการนี้ ซึ่งทั้งสองได้เลือกโรงงานผู้ผลิตภายในประเทศของตัวเองแทนโรงงานในจีนที่มีต้นทุนต่ำกว่า เหตุเพราะไม่อยากให้ใช้เวลานานกว่าจะมีการจัดส่งข้ามประเทศนั่นเอง

 

ชาวเน็ตแห่ไปใช้บริการเวบฝากไฟล์อื่น หลัง MegaUpload ปิดตัว

แม้ว่าจะมีการปราบปรามของรัฐบาลในการกำจัดการละเมิดลิขสิทธิ์บนโลกไซเบอร์ จนมีการปิดบริการไซเบอร์ล็อคเกอร์ชื่อดัง MegaUpload ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ชาวเน็ตก็ไม่ได้หยุด แห่แหนไปใช้งานเวบฝากไฟล์อื่นๆแทน TorrentFreak รายงาน

โดยตามรายงานระบุ ชาวเน็ตได้มีการโยกย้ายไปใช้งานยังเวบไซต์ที่ให้บริการในลักษณะเดียวกัน โดย MegaUpload เป็นหนึ่งในเวบที่ให้บริการฝากไฟล์ที่ยอดนิยมอย่างมาก ซึ่งมีผู้ใช้บริการกว่า 50ล้านรายต่อวัน (ตามข้อมูลจาก TorrentFreak) ซึ่งหลังจากที่มีการปิด MegaUpload ชาวเน็ตหลายล้านคนก็ได้มีการเปลี่ยนไปใช้งานเวบไซต์ข้างเคียงอย่าง Filefactory, Depositfiles, Hotfile.com และเวบอื่นๆที่ให้บริการฝากไฟล์บนอินเทอร์เน็ตแทน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯและเอฟบีไอ ได้สั่งปิด MegaUpload และประกาศข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับบุคคล 7 ราย ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์ ซึ่งรวมถึงการหารายได้จากกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย, การฟอกเงิน และฉ้อโกง โดยมีบทลงโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปี ซึ่งโฆษกจาก 4Shared เวบไซเบอร์ล็อคเกอร์ชื่อดังอีกรายที่มีขนาดใหญ่กว่า MegaUpload ถึงเท่าตัว ไม่ได้แสดงความสะทกสะท้าน กล่าวกับ TorrentFreak ว่า แม้ว่ากรณีของ MegaUpload จะเป็นสัญญาณเตือนภัย แต่เขาไม่มีความกังวลใจว่า 4Shared จะตกอยู่ในอันตราย “กรณีนี้ มีผลกระทบในเชิงลบต่อผู้ให้บริการฝากไฟล์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยรวมทั้งหมด แต่ 4Shared มีกฎระเบียบบางส่วนที่ค่อนข้างเข้มงวดกว่าผู้ให้บริการรายอื่นๆ และเราไม่จำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ” โดย TorrentFreak ยังได้ให้ข้อมูลจำนวนการจราจรในการเปลี่ยนจาก MegaUpload ไปยังเวบไซต์อื่นๆ พบว่า นอกจากชาวเน็ตจะแห่แหนไปใช้บริการเวบ Filefactory, Depositfiles และ Hotfile.com แทนแล้ว เวบที่ให้บริการในลักษณะเดียวกันขนาดเล็กๆอย่าง Filepost.com, Hulkshare.com และ Uploading.com ก็พลอยมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นด้วย