3G คืออะไร?


เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ( 3-4 กันยายน 2554) ได้มีงานเปิดตัวของ DTAC 3G รายละเอียดในงานมีอะไรบ้างไม่รู้ รู้แต่ว่ามีคนเป็นพันไปยื้อแย่งกันจะซื้อ iPhone4 ครึ่งราคากันที่หน้าพารากอน (เห็นแล้วก็อนาถใจเล็กๆ ตามประสาคนไม่มีเงินไปซื้อเหมือนเขา 555) ได้ข่าวถึงความชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างมาก หลายคนเลยอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ ไอ้ 3G มันคืออะไร วันนี้ผมเลยอยากมาเล่าให้ฟังครับ

3G คืออะไร แบบเข้าใจง่าย (อ่านตามตัวอักษรสีฟ้าทั้งหมดนะครับ) เหมาะสำหรับเอาไปเล่าให้เพื่อนหรือญาติฟัง

3G คือการเชื่อมต่อระบบสื่อสารไร้สายด้วยความเร็วสูง ซึ่งทำให้คุณสามารถใช้โทรศัพท์มือถือของคุณทำการรับ-ส่งภาพ,เสียง,ข้อมูลต่างๆ เช่นวีดีโอ ถึงอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว และสามารถเคลื่อนที่ไปได้ทั่วประเทศ โดยไม่ถูกจำกัดจุดเหมือนการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบมีคู่สาย แต่ 3G ในตอนนี้ยังเป็นช่วงการเริ่มระบบ ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการใช้งานที่ยังถือว่าสูงอยู่

รูปแบบการใช้งาน 3G ก็เช่น การฟังเพลง,รายการวิทยุจากสถานีผ่านอินเทอร์เน็ต, การดูคลิปวีดีโอจากเว็บไซต์อย่างราบลื่น ไม่กระตุก หรือการคุยกันผ่าน Video Call (สังเกตโทรศัพท์มือถือที่มีกล้องมือถือทั้งด้านหลังและด้านหน้าในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะรองรับ 3G ครับ)

โทรศัพท์มือถือที่รองรับ 3 G ได้นั้นจะมีเฉพาะบางรุ่นเท่านั้น คุณสามารถสอบถามได้กับทางผู้ให้บริการของคุณว่า โทรศัพท์มือถือของคุณสามารถใช้ระบบ 3G ได้หรือไม่?

เป็นอย่างไรบ้างครับ พอจะนึกภาพออกแล้วใช่ไหมครับ  แบบง่ายก็มาแล้ว ต่อไปเอาแบบยากไปด้วยนะครับ 🙂

3G คืออะไร แบบเข้าใจยากหน่อย (อ่านตามตัวอักษรสีเขียวทั้งหมดนะครับ) เหมาะสำหรับ Copy เอาไปส่งรายงานให้อาจารย์

3G ย่อจาก Third Generation เป็นชื่อเรียกยุคที่ 3 ของการพัฒนาโทรศัพท์แบบเซลลูล่าร์ เริ่มจากระบบแรกเรียกยุค 1G (First Generation) คือระบบสื่อสารไร้สายที่ใช้เทคโนโลยีระบบอนาล็อก พัฒนาขึ้นเพื่อให้บริการด้านเสียงเท่านั้น มีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพของเครือข่าย เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายยุค 1G ได้แก่บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ AMPS (Advanced Mobile Phone Service) ซึ่งให้บริการครั้งแรก พ.ศ.2523 ใช้สัญญาณวิทยุส่งคลื่นเสียงโดยไม่รองรับการส่งผ่านข้อมูลใดๆ ใช้งานทางด้านเสียงได้เพียงโทรออก-รับสาย เท่านั้น

ต่อมาเป็น 2G (Second Generation) คือการสื่อสารไร้สายด้วยเทคโนโลยีระบบดิจิตอล การสื่อสารด้วยเสียงมีคุณภาพขึ้น และสามารถรับ-ส่งข้อมูลด้วยความเร็วที่ระดับ 9.6–14.4 kbps (กิโลบิตต์ต่อวินาที) ถือเป็นยุคเริ่มต้นความรุ่งเรืองของโทรศัพท์มือถือ ราคาโทรศัพท์ต่ำลง ปริมาณผู้ใช้มีมากขึ้น เริ่มฮิตการดาวน์โหลดเสียงเรียกเข้า หรือริงโทน วอลล์เปเปอร์ กราฟิกต่างๆ แต่ทั้งนี้เป็นสีขาว-ดำ เท่านั้น และความละเอียดยังอยู่ในขั้นต่ำ

ครั้นถึงระดับ 2.5G ซึ่งเป็นยุคกึ่งระหว่าง 2G และ 3G เป็นยุคกำเนิดเทคโนโลยี GPRS (General Packet Radio Service) สามารถส่งข้อมูลได้ที่ความเร็วประมาณ 40 kbps ตามด้วยระดับ 2.75G อันเป็นช่วงเริ่มใช้เทคโนโลยี EDGE (Enhanced Data rates for Global Evolution) เป็นเทคโนโลยีต่อยอดของ GPRS พัฒนาปรับปรุงคุณภาพความเร็วให้รับ-ส่งข้อมูลได้สูงขึ้น แต่ยุค 2.75G ไม่ได้ถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการ อธิบายไว้เป็นเพียงการเปรียบเทียบช่วงคาบเกี่ยวระหว่างยุค 2.5G และ 3G

แล้วก็ถึง 3G (Third Generation) คือระบบเครือข่ายไร้สายรุ่นล่าสุดที่ทำงานบนพื้นฐานของระบบ IP (Internet Protocol) ผ่านอุปกรณ์พกพา สามารถรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุด 144 kbps หรือสูงกว่าในสภาวะการใช้งานที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ หรือมีการเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง นับเป็นยุคเทคโนโลยีการสื่อสารที่ผสมผสานการนำเสนอข้อมูลและเทคโนโลยีใน ปัจจุบันเข้าด้วยกัน เช่น โทรศัพท์มือถือ วอล์กแมน กล้องถ่ายรูป และอินเตอร์เน็ต

เทคโนโลยีการสื่อสารยุค 3G จุดเด่นที่สุดคือความเร็วในการเชื่อมต่อและการรับ-ส่งข้อมูล เน้นการเชื่อมต่อแบบไร้สายด้วยความเร็วสูง รับ-ส่งข้อมูลรวดเร็ว สามารถใช้บริการมัลติมีเดียได้สมบูรณ์แบบ มีช่องสัญญาณความถี่และความจุในการรับส่งข้อมูลมากกว่า 2G อีกคุณสมบัติเด่นคือ Always On หมายถึงมีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G ตลอดเวลาที่เปิดโทรศัพท์

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.