บทความวันนี้เริ่มมาจากโบชัวร์ขายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คเจ้าหนึ่งครับ ที่มีราคาที่หลากหลาย ตั้งแต่หมื่นต้นๆ ไปจนถึงครึ่งแสน บางรุ่นหน้าตาคล้ายๆ กันแต่ราคาคนละเรื่องเลย ความแตกต่างอย่างหนึ่งของโน้ตบุ้คเหล่านี้ก็คือ “สเปคของ CPU ครับ” แล้วสเปคของ CPU ที่แตกต่างกันมันจะช่วยการทำงานของเราได้อย่างไรล่ะ วันนี้ผมมีคำตอบครับ
สังเกตว่า ในยุคก่อน CPU นั้นจะแข่งกันที่ความเร็ว (จำนวน GHz) ซึ่งทางผู้ผลิต CPU ก็แข่งกันออก CPU ที่ความเร็วสูงๆ จนวันหนึ่งถึงทางตัน เพราะไม่สามารถที่จะดันให้ CPU มีความเร็วสูงกว่าขีดจำกัดของมันครับ
จนมาถึงยุคหลัง ทางผู้ผลิตจะไม่แข่งกันด้วยความเร็วแล้ว แต่จะแข่งกันด้วยความสามารถในการทำงานมากกว่า จึงเกิดแนวคิด CPU หลายแกน (Multi Core CPU) โดยหลักการแบบอธิบายง่ายๆ คือ 1 CPU แต่มีแกนสมองมากกว่า 1 ซึ่งแต่ละแกนจะช่วยกันทำงานให้งานนั้นเสร็จเร็วขึ้นครับ ทำให้ CPU ที่ออกมาในช่วงหลังๆ จะเป็น CPU แบบ 2 Core, (มีแบบ 3 Core ด้วยนะ ของ AMD), 4 Core ส่วน 6 Core และ 8 Core ก็มีครับ แต่จะเป็น CPU ราคาสูงและสำหรับงานเฉพาะด้านครับ
คำถามก็คือ แล้วจำนวนแกนซีพียู (Core) มีส่วนช่วยในการทำงานของคุณอย่างไรล่ะ?
- CPU ที่มีหลาย Core จะมีส่วนช่วยในงานของคุณเป็นอย่างมากถ้างานของคุณเป็นประเภทที่ต้องใช้พลังของ CPU มากๆ เช่น
- งานตัดต่อต่างๆ ที่ต้องใช้การ Render ข้อมูลจำนวนมากและใช้เวลานาน เช่นการตัดต่อภาพ, การตัดต่อเสียง หรือการตัดต่อวีดีโอ
- การเล่นเกมส์บนคอมพิวเตอร์ ในยุคหลังๆ ต้องยอมรับว่า สเปคของเกมส์นั่นสูงขึ้นเรื่อยๆ ครับ
- การเปิดใช้งานหลายๆ โปรแกรมพร้อมกัน เ่ช่น เล่นเน็ท แชท ฟังเพลง เปิดโปรแกรมอื่นๆ ในเวลาเดียวกัน
แต่ CPU ที่มีหลาย Core จะแทบไม่มีส่วนช่วยในงานของคุณงานของคุณเพิ่มขึ้นสักเท่าไหร่เลย (ถ้าเทียบกับ CPU แกนเดี่ยวหรือแกนน้อยๆ) ถ้างานที่คุณเอาไปใช้เป็นประเภท
- ดูหนัง ฟังเพลง
- เล่นเน็ทธรรมดา,เช็คเมล์
- เล่นเกมส์สเปคต่ำ
- ไม่ได้ใ้ช้ในงานตัดต่อต่างๆ
- พิมพ์งานเอกสาร
ลองดูนะครับว่าคุณซื้อคอมพิวเตอร์ไปใช้ในงานใด เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องจ่ายแพงขึ้นนะครับ
บทความนี้เขียนขึ้นโดย Kittin จากเว็บไซต์ manacomputers.com ได้รับความคุ้มครองตามสัญญาอนุญาต CC 3.0
ชอบ…ขอบคุณครับ